น่าซื้อ 9 อันดับ ไม้เทนนิส ที รุ่นไหนดี รีวิวเพียบ อัพเดทล่าสุดปี 2567

ช้อปสินค้าลดราคาออนไลน์ - ช้อปง่ายปลอดภัยไร้กังวล พร้อมโปรโมชั่นเด็ดๆ และส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ตลาดสินค้าออนไลน์ชั้นนำ ช้อปสินค้าถูก ดีลเด็ดๆ สนุกการช้อปปิ้งออนไลน์กับร้านแนะนำของเรา ช้อปปิ้งออนไลน์ยอดนิยม ช้อปปิ้งออนไลน์ รับโปรส่งฟรีทั่วไทย ราคาดี เกินคุ้ม เก็บเงินปลายทาง
ราคาพิเศษมาแนะนำลูกค้าที่น่ารัก ราคาคุ้มค่า เราแนะนำเลยเจ้านี้ ไม้เทนนิส  สินค้ากับร้านที่เราแนะนำ  ราคาพิเศษส่งให้คุณลูกค้าถึงหน้าบ้าน สั่ง ไม้เทนนิส  ไป ราคาถุกจริงๆ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ลดราคาลงมาอีก สินค้าดีๆ ราคาถุก จัดส่งรวดเร็ว คุณภาพเยี่ยม ได้รับสินค้าแล้วดีใจมาก ตรงตามต้องการในรุป ไม่พบปัยหาเลยกับทางร้านค้า

     
หากคุณกำลังมองหาไม้เทนนิสพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย เราขอแนะนำให้รู้จักกับนวัตกรรมไม้เทนนิสชั้นเลิศจากแบรนด์ผู้ผลิตที่คร่ำวอดอยู่ในวงการ โดยแต่ละชนิดมีทั้งแบบ ไม้เทนนิส ซึ่งวันนี้ทางเราจึงจัดอันดับ แนะนำ ไม้เทนนิส ที่ตอบโจทย์กับตัวคุณมาให้เลือกกันแล้วดังนี้

‘เทนนิส’ เป็นกีฬาที่มีจุดกำเนิดในยุโรป มีประวัติความเป็นมายาวนานนับร้อยปีและเป็นที่นิยมต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน แต่ด้วยความที่มีภาพลักษณ์ว่าเป็นกีฬาสำหรับชนชั้นสูง จึงทำให้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนักในกลุ่มประเทศเอเชียเมื่อเทียบกับกีฬาประเภทอื่น ๆ อย่างเช่น ฟุตบอล หรือแบดมินตัน แต่อีกเหตุผลหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ค่อยมีคนเล่นเทนนิสเท่าไรนักก็คือ เรื่องของอุปกรณ์นั่นเอง โดยเฉพาะอุปกรณ์หลักอย่างไม้เทนนิส ที่ดูจะซับซ้อน มีราคาแพงและดูยุ่งยากให้การหาซื้อ

ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากจะเล่นเทนนิส หรือใครที่เป็นมือใหม่พึ่งเริ่มหัด จึงอยากมีไม้เทนนิสดี ๆ ไว้คู่ใจ วันนี้เราพร้อมมาเป็นผู้ช่วยคุณในการเลือกแล้วค่ะ แม้ว่าไม้เทนนิสจะมีมากมายหลายสเปก หลายยี่ห้อ ดูน่าปวดหัวก็ตาม เรามีวิธีการเลือกที่เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปใช้ได้ทันทีมาฝากกันค่ะ รวมไปถึง 10 อันดับ ไม้เทนนิสยอดฮิตในยุคนี้มาแชร์ให้อ่านกันด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการออกกำลังกายให้กับทุก ๆ คนค่ะ
ก่อนจะไปดู 10 อันดับไม้เทนนิสยอดนิยมในปัจจุบัน เรามาดูหลักวิธีการเลือกที่สำคัญกันก่อนดีกว่า อย่าลืมว่า ทุกอย่างมีส่วนกำหนดความสามารถในการควบคุม (Control) และกำลัง (Power) ในการตีเทนนิส ฉะนั้น เราจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัยให้ครบถ้วนที่สุดค่ะ
หน้าไม้เทนนิสจะมี 3 ขนาดหลัก ๆ คือ Mid-sized, Midplus และ Oversized เพื่อจะเลือกไม้เทนนิสให้เหมาะสมกับตัวเอง เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่า แต่ละขนาดนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร และเหมาะกับผู้เล่นในระดับไหนบ้าง
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น (รวมทั้งผู้เล่นที่มีแรงน้อย) แนะนำให้ใช้ไม้ขนาด 105 ตารางนิ้วขึ้นไป เรียกว่าไม้ Oversized ซึ่งเป็นไม้ที่มีขนาดใหญ่ หน้าไม้กว้างมาก ช่วยให้มือใหม่วอลเลย์ง่าย ลดโอกาสตีไม่โดนลูก ตีชนขอบ พื้นที่ส่วน Sweet Spot (ส่วนหน้าไม้ที่เมื่อบอลมากระทบเอ็น แล้วสามารถสร้างแรงสะท้อนกลับได้มากที่สุดและสร้างแรงสั่นสะเทือนน้อยที่สุด) มีความกว้างเหมาะสมในการใช้ฝึกตีมากที่สุด แถมสปินได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรมากมาย ทำให้ผู้เล่นมือใหม่ตีได้อย่างมั่นใจที่สุดค่ะ
Midplus คือ ไม้ที่หน้ากว้างไม่เกิน 105 ตารางนิ้ว เหมาะสำหรับผู้เล่นในระดับกลาง สวิงง่าย ควบคุมได้ดี ด้วยหน้าไม้ที่เล็กลงจึงทำให้มีความมั่นคงในการตี ถือว่าเป็นไม้ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกใช้กันเลยค่ะ
ผู้เล่นระดับสูงที่เน้นการควบคุมหน้าไม้ (Control) มากกว่าความแรง (Power) เหมาะกับการใช้ไม้ขนาด Mid-Sized ซึ่งขนาดหน้าไม้จะเล็กไม่เกิน 95 ตารางนิ้ว ช่วยลดการต้านลม สวิงได้ง่าย การแอ่นของเอ็นก็น้อยจึงให้ความมั่นคงในการตีสูง ช่วยให้ควบคุมการตีได้ดีที่สุด
น้ำหนักของไม้เทนนิสโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 285 – 305 กรัม โดยประมาณ หากเบากว่านี้จะถือว่าเป็นไม้เบา และหากหนักกว่านี้ก็จะถือว่าเป็นไม้หนัก แนะนำให้เลือกตามกำลังในการตีของตัวเอง หากพอจะทราบค่าน้ำหนักที่เป็นเป้าหมายแล้ว ให้ลองจับไม้จริงเพื่อตรวจสอบดูก่อน หรืออาจมองหารีวิวจากคนที่น่าจะมีระดับการตีใกล้เคียงกับเราก่อนการตัดสินใจจะดีที่สุดค่ะ
สำหรับผู้หญิงหรือผู้สูงอายุ หรือคนที่อยากได้ไม้เทนนิสที่ตีง่าย ให้เลือกไม้ที่เบากว่า 270 g รับรองว่าถือง่ายเหวี่ยงไม้ได้เร็ว แต่ก็มีข้อเสียที่จะรู้สึกถึงแรงกระแทกได้ง่าย และตีช็อตที่มีพลังไม่ค่อยได้ แต่ถ้าคิดว่าเอาแค่พอให้ตีได้ไกล ๆ ไม้น้ำหนักเบาก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
หากต้องการไม้สำหรับใช้แข่งหรือไม้ที่ตีโต้กลับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีพลัง ให้เลือกไม้ที่หนักประมาณ 310 กรัม ด้วยความหนักนี้จะทำให้คุณสามารถปล่อยลูกออกไปได้อย่างมีพลังและไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกมากนัก แม้จะรับลูกที่มีความแรงก็ตาม อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้หญิงและผู้สูงอายุอาจจะรู้สึกหนักจนเหวี่ยงไม้ไม่ถนัด ดังนั้น จึงแนะนำไม้รูปแบบนี้สำหรับผู้ชายหรือคนที่มั่นใจในแรงของตัวเองเท่านั้นไปใช้จะเหมาะสมกว่า
ขอบไม้เทนนิส (Beam) จะมีความกว้างด้วยกัน 3 ระดับ คือ ขอบบาง กลาง และหนา ซึ่งไม้ขอบระดับกลางเป็นชนิดที่ได้สมดุลมากที่สุด ใช้ได้ตั้งแต่ผู้หัดเล่นไปจนถึงผู้เล่นระดับสูง ส่วนไม้ขอบบางและขอบหนามีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไปให้เลือกพิจารณา
ไม้ขอบบาง คือ ไม้ที่มีขอบกว้างประมาณ 17-21 mm สามารถควบคุมบอลได้ดี ทำให้ผู้ตีรู้สึกเหมือนกุมลูกเอาไว้ได้ เหมาะสำหรับคนที่ตีแนว Control หรือตีสปิน มีข้อเสียตรงที่ต้องใช้แรงในการตีค่อนข้างมาก หากผู้เล่นเป็นผู้หญิงหรือผู้สูงอายุอาจจะตีลูกได้ไม่ไกล แต่เหมาะมากสำหรับผู้ชายหรือคนที่แรงเยอะและชอบตีลูกออก
ไม้ขอบกลาง คือ ไม้ที่มีความหนาขอบประมาณ 22-25 mm ถือว่าเป็นขนาดมาตรฐาน หากคุณลองตีด้วยแรงปกติแล้วลูกไปตกอยู่ที่ช่วงเลยกลางคอร์ทของฝ่ายตรงข้ามไปหน่อย ก็ถือว่าความกว้างของไม้ระดับนี้เหมาะกับคุณ แต่ต้องไม่ลืมที่จะลองกะจากแรงในการตีของตัวเองด้วยเช่น ถ้าหากรู้สึกว่าตีแล้วบอลยังพุ่งไกลเกินไปอยู่ ก็ให้เลือกไม้น้ำหนักเบากว่านี้ หรือถ้าตีแล้วลูกไม่ค่อยไป ก็ควรเลือกไม้ที่หนักกว่านี้
ไม้ขอบหนา คือ ไม้ที่มีความกว้างประมาณ 26-30 mm ตัวขอบไม้จะค่อนข้างแข็ง จึงให้แรงสะท้อนที่ดีเหมาะกับการเล่นที่ต้องการ Power และการใช้ไม้แบบขอบหนานี้จะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากความแรงของลูกจากฝ่ายตรงข้ามในการตีกลับได้ด้วย เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีแรงเป็นที่สุดเลยค่ะ
รูปแบบการร้อยเส้นเอ็น (String Pattern) ของไม้เทนนิสนั้น มีผลต่อระดับการเล่นด้วยนะคะ โดยทั่วไปแล้ว ไม้เทนนิสจะมีโครงสร้างให้ร้อยเอ็นที่ความถี่แนวตั้ง 16 เส้น × แนวนอน 19 เส้น หากร้อยในระยะห่างกว่านี้จะหมายถึงว่า เป็นไม้ที่เหมาะสำหรับคนหัดเล่น และยิ่งห่างเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ใส่สปินได้ง่ายขึ้นแม้สวิงช้า ๆ แต่ถ้าร้อยตาถี่กว่านี้ หมายถึง ไม้ที่ควบคุมลูกได้ดี เหมาะกับผู้เล่นระดับสูงค่ะ
ด้ามจับ (Grip) ที่จับถนัดมือ สวิงง่าย ถือเป็นจุดสำคัญในการเลือกซื้อเลย โดยทั่วไป ขนาดด้ามจับจะมีตัวเลขที่ระบุขนาด ซึ่งแต่ละประเทศอาจจะมีวิธีเขียนที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจะแนะนำวิธีการระบุขนาดแบบที่เรียกกันว่า G1-G4 ค่ะ
เริ่มที่ G1-G2 จะเป็นด้ามจับที่เล็กกว่า เหมาะสำหรับผู้หญิง ส่วน G3-G4 จะเป็นด้านจับที่ขนาดใหญ่กว่า เหมาะสำหรับผู้ชาย ส่วนบางร้านอาจจะระบุขนาดว่า 4 3/8 นั่นหมายถึง การระบุขนาดแบบอเมริกัน โดยจะมีตั้งแต่ 4 นิ้ว ถึง 4 3/4 นิ้ว (ซึ่งมาจากการวัดระยะ จากปลายนิ้วนางถึงเนินฝ่ามือ)
สำหรับด้ามขนาดเล็กจะทำให้เราขยับมือได้ง่าย เหมาะกับการตีลูกหยอด ในทางกลับกัน ด้ามขนาดใหญ่จะทำให้เราจะขยับมือไม่ค่อยได้มาก จึงส่งผลให้เราสามารถตีได้อย่างมั่นคง แต่ทว่า การเลือกไม้นั้นจะต่างกันไปตามแต่ละบุคคล และอาจมีข้อจำกัดว่าไม้เทนนิสรุ่นที่อยากได้ไม่มีขนาดที่เราต้องการ อย่างไรก็ตาม สามารถลองกะขนาดเอาจากที่เราแนะนำไปในตอนต้นแล้วลองจับไม้จริงดู หากคุณกำไม้แล้ว นิ้วนางอยู่ห่างจากฝ่ามือตรงนิ้วโป้งประมาณ 8 mm ก็ถือได้ว่าด้ามนั้นค่อนข้างพอดีกับฝ่ามือคุณ หากไม่มั่นใจ กลัวว่าไม้จะเล็กไป สามารถซื้อ Grip Tape มาพันไม้เพื่อปรับขนาดก็ได้เช่นกันค่ะ
ความรู้สึกในการตีจะต่างกันไปแล้วแต่ว่าไม้เทนนิสไม้นั้นมีจุดศูนย์กลางอยู่ตรงไหน เรียกง่าย ๆ ว่าบาลานซ์ของไม้ จุดบาลานซ์ของไม้จะอยู่ตรงกลางหรือที่เรียกว่า Even Balance ซึ่งเป็นไม้ที่เหมาะสำหรับทุกคน รวมไปถึงผู้ที่เริ่มหัดเล่นด้วย ไม้ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่หัวไม้เรียกว่า ไม้หัวหนัก (Head-Heavy) ถือว่าเป็นไม้ Power แม้ตีไม่โดน Sweet Spot แต่ก็สวิงได้อย่างมีพลัง ข้อด้อย คือ จะใช้วอลเลย์ในแบบความเร็วที่ต้องการไม่ค่อยได้ ส่วนไม้ที่บาลานซ์หนักไปทางฝั่ง Grip จะเรียกว่าไม้หัวเบา (Head-Light) ถือเป็นไม้ที่ให้ Power น้อยแต่สามารถควบคุมได้ดี สวิงได้เร็ว
ความยืดหยุ่น หรือ ความแข็งของตัวไม้ (Stiffness) ก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งตัวที่จะกำหนดลักษณะตรงนี้ก็คือ วัสดุที่นำมาทำไม้นั่นเอง ไม้อะลูมิเนียมจะมีความทนทานสูง ราคาไม่แพง เหมาะเอาไว้ซื้อเป็นไม้ตีเล่น ๆ ส่วนไม้คาร์บอนจะมีความแข็งแรงมากกว่า เหมาะกับการเริ่มเล่นเทนนิสในสนาม ส่วนไม้ทังสเตนหรือไม้ไทเทเนี่ยม กราไฟท์เหมาะกับการใช้เป็นไม้แข่ง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเล่นเทนนิสอย่างจริงจัง ดังนั้น ก่อนการซื้อจึงต้องพิจารณาวัสดุให้ตรงกับการใช้งานของตัวเองด้วย
เมื่อทราบวิธีการเลือกกันแล้ว ตอนนี้เราจะพาไปดูไม้เทนนิสที่เป็นรุ่นขายดี 10 อันดับ จากหลาย ๆ ประเทศกันเลยดีกว่า ลองหาไม้ที่เหมาะกับตัวเองดูกันได้เลยค่ะ
เป็นไม้เทนนิสที่รับรองว่างานดี แถม Osaka Naomi นำไปปรับเป็นไม้ของตัวเองในตอนแข่งครั้งที่เธอเอาชนะ Serena Williams จนได้เป็นแชมป์ US Open ที่มีเชื้อสายเอเชียคนแรกและได้ขึ้นเป็นนักเทนนิสหญิงอันดับหนึ่งของโลกในยุคนั้น

ไม้รุ่นนี้มีกำลัง Power มาก ด้วยการนำเทคโนโลยี ISOMETRIC มาใช้ทำให้ Sweet Spot เพิ่มขึ้น 7 % ทำให้เล่นได้แม่นยำขึ้น ถือเป็นไม้ที่ทำหน้าที่เสิร์ฟได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะแบบ Spin เพราะให้พลังการตีที่หนักเลยทีเดียว ทั้งยังใช้วัสดุกราไฟต์ที่แข็งแรงกว่าปกติ จึงเพิ่มความแรงและความเร็วของลูก เหมาะสำหรับคนที่รู้จักการตีของตัวเองดี เช่น ผู้เล่นระดับกลางถึงระดับสูง
ไม้เทนนิสไลน์ Blade ที่เห็นนักกีฬาหลาย ๆ คนใช้ในการแข่งแกรนด์สแลมรวมถึง Karen Khachanov, Serena Williams รุ่นนี้ได้ปรับให้น้ำหนักเบาขึ้นเพื่อให้คนทั่วไปใช้ง่ายขึ้น และนำเทคโนโลยี Countervail (CV) เข้ามาใช้ในการผลิตเพื่อช่วยลดแรงสั่นสะเทือนถึง 30% จึงให้ความรู้สึกในการตีที่ยอดเยี่ยม

นอกจากนี้ ด้วยความที่หน้าไม้ไม่ใหญ่เกินไปและขอบไม้แคบเพียงแค่ 20.6 มิลลิเมตร จึงทำให้ Control ทิศทางบอลได้ดี ให้แรงส่งอย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รุ่นนี้จะต้องมีแรงตีมากหน่อย หากจะเล่นแบบ Power เพราะไม้มีแรงน้อยจึงเหมาะกับหนุ่ม ๆ แรงดี ๆ ค่ะ
Novak Djokovic ราชาที่ตกบัลลังก์ไปหลายปี ตอนนี้เค้ามาทวงบัลลังก์อันดับ 1 คืนมาได้แล้ว โดย Djokovic ถือเจ้าไม้เทนนิสของ Head ตัวนี้แหละค่ะเป็นอาวุธ ด้วยความที่เป็นราชาขาโหด ไม้นี้ก็โหดตามราชาค่ะ หนัก (แต่ไม่ถึงกับหนักอึ้ง) หน้าไม้กว้างและขอบหนา

นอกจากนี้ ยังเป็นรุ่นที่มีความคล่องตัวสูง (Maneuverability) มี Power สุด ๆ ผสมกับรุ่นใหม่ ๆ ที่พัฒนาให้มีการเพิ่มความแข็งแรงในส่วนคอไม้และ Beam อีกด้วย ถ้าชอบหวดมันส์ ๆ แนะนำให้ใช้เลยค่ะ แต่ต้องเตรียมกำลังแขนและฝึก Control ดี ๆ นะคะ
คงไม่มีใครไม่รู้จัก Roger Federer นักเทนนิสผู้เป็นแชมป์ที่เคยขึ้นอันดับหนึ่งในการแข่งขันต่าง ๆ หลายสมัย ไม้นี้เป็นไม้ล่าสุดที่เค้าใช้เลยค่ะ โดยตัวเค้าเองเป็นผู้ออกแบบร่วมกับทาง Wilson แน่นอนเลยว่า รุ่นนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในรุ่นยอดฮิต

เป็นอีกรุ่นที่ทางแบรนด์พยายามเน้นเรื่องน้ำหนักที่เบาขึ้น แต่ให้พลังที่มากขึ้น โดยบาลานซ์แล้วถือเป็นไม้แบบหัวเบา หน้าไม้ที่แคบ 97 ตารางนิ้ว ขอบไม้บาง ด้ามจับออกแบบมาพอดีฝ่ามือ เพื่อเน้นการ Control ลูก มีความนิ่ง (Stability) สูง ทำให้รับบอลได้มั่นคงและแม่นยำ อีกทั้งยังใช้เสิร์ฟแบบ Spinได้ง่าย เรียกได้ว่าเป็นไม้ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากมีเก็บไว้เลยค่ะ
แม้ตอนนี้ความบูมจะสู้แบรนด์อย่าง Babolat หรือ Head ไม่ค่อยได้ แต่ Prince ก็เป็นแบรนด์ดีที่น่าเชื่อถือและราคาสมเหตุสมผลค่ะ รุ่นที่แนะนำนี้เป็นรุ่นที่นักเล่นต่างไว้ใจในประสิทธิภาพกันมายาวนาน รุ่นใหม่พัฒนาขึ้นโดยใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาขึ้น แถมแข็งแรงทนทานเทียบเท่าวัสดุของรถแข่ง Formula 1!

รุ่นนี้มีขนาดหน้าไม้กว้างถึง 100 ตารางนิ้ว แต่น้ำหนักไม่มากอยู่ที่ 306 กรัม ขอบไม้หนา 20-23 มิลลิเมตร กล่าวคือมี Power แต่ยังสวิงสะดวก คล่องตัวและใช้ง่ายค่ะ เหมาะกับคนเล่นใหม่ ๆ แต่ไม่อยากได้ไม้ใหญ่ระดับ Oversized แล้วก็ยังไม่อยากลงทุนหนัก ๆ ในไม้แรกค่ะ
ไม้เทนนิสของ Dominic Thiem นักเทนนิสชาวออสเตรียที่กำลังมาแรงในตอนนี้ รุ่นนี้หนัก 320 กรัม หน้ากว้าง 98 ตารางนิ้ว ขอบไม้ 21 -23 มิลลิเมตร เป็นไม้ที่ได้รับคำชมจากนักเทนนิสหลาย ๆ ระดับว่าทุกอย่าง “กำลังดี”

มีจุดเด่นในการตีลูกกลับได้อย่างมั่นคงและแม่นยำ ทั้งยังเสริม Power และ Control ในการตีได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ความรู้สึกในการตีที่แน่นแต่นุ่ม รุ่นใหม่มี Sweet Spot ที่ใหญ่ขึ้น ยิ่งทำให้ตีสนุกมากขึ้น โดยเฉพาะรุ่นที่ขึงเอ็นละเอียด 18×20 แต่ก็มีบางคนบอกว่าถ้าอยาก Spin เยอะ ๆ ใช้แบบขึงเอ็น 16×19 จะเหมาะกว่าค่ะ
มาถึงรุ่นที่อยู่ในไลน์ Burn และถือเป็นตัวที่มีน้ำหนักเบาและให้ความคล่องแคล่วที่สุดในไลน์เลย มาพร้อมเทคโนโลยี CV (Countervail) ที่ทำหน้าที่ช่วยลดแรงสั่นขณะตี ลดแรงกระแทกที่ส่งมาถึงแขน เป็นไม้แบบหัวเบาจึงส่งเสริมให้ผู้เล่นเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งทำให้สปินลูกได้ง่าย ควบคุมลูกได้ดี

หน้าไม้อยู่ที่ 100 ตารางนิ้ว มีความหนาและน้ำหนักที่กำลังดีสำหรับคนเล่นใหม่ ๆ ที่กำลังพัฒนาฝีมือ จุดเด่นอีกข้อ คือ ใช้เทคโนโลยี Spin Effect เข้ามาช่วยให้การตีเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ลูกหมุนได้มากขึ้น จึงตีท้ายคอร์ทหรือตีสปินได้อย่างสนุก อย่างไรก็ตาม ไม้รุ่นนี้ยังมีข้อติตรงที่ Power อาจจะยังน้อยไปหน่อยในความเห็นของผู้เล่นระดับกลางถึงสูงค่ะ
ใช่แล้วค่ะ นี่เป็นไม้ของ Rafael Nadal, King of Clay ของเรา (เสียดายล่าสุดเพิ่งตกมาอยู่อันดับ 2) แม้เป็นไม้ของแชมป์ แต่สเปกไม่ได้หนักแบบต้องลากไปหรือแลดูใช้ยากแต่อย่างใด น้ำหนัก 318 กรัม/ หน้าไม้ 100 ตารางนิ้ว / ขอบไม้ 23-26 มิลลิเมตร มีกำลัง Power มากและ Spin ได้ดีเยี่ยม แถมยังเสริมพลังด้วย Sweet Spot ที่กว้างกว่าหลาย ๆ รุ่น

รุ่นใหม่ยังมีการปรับโครงสร้างเฟรมเพื่อลดแรงกระแทกต่อแขนอีกด้วย ถือว่าเป็นไม้ที่เหมาะกับคนที่เริ่มตีมาสักพักชินกับ Power และ Control ของตัวเองแล้ว และอยากจะพัฒนาเป็นระดับที่สูงขึ้นโดยลองโฟกัสเรื่องของการ Spin ดูบ้าง
ตามนั้นเลยค่ะ เป็นไม้ที่ฮิตมานาน น้ำหนักเบาเพียง 252 กรัม หน้าไม้แบบ Oversized รับลูกง่าย มี Sweet Spot กว้างแทบจะครอบคลุมทั้งหมดหน้าไม้เลยก็ว่าได้ ทำให้ลูกเด้งไกล ช่วยให้ไม่ต้องใช้แรงเยอะ ทั้ง ๆ ที่เป็นไม้บาลานซ์หัวหนักแต่ยังทำการควบคุมได้ดีค่ะ

ที่สำคัญ ราคาก็เหมาะเจาะน่าซื้อ เป็นสเปกที่ดีต่อใจและดีต่อกระเป๋าสตางค์ของผู้เริ่มสนใจเล่นเทนนิสใหม่ ๆ ด้วย โดยเฉพาะสาว ๆ แนะนำให้มีไว้ครอบครอง รับรองว่าจะช่วยสร้างกำลังใจในการตี ไม่ให้ย่อท้อกันไปง่าย ๆ แน่นอนค่ะ
แม้ว่า Babolat จะให้ Pure Drive เป็นไม้ระดับกลาง ๆ แต่เรียกได้ว่าเป็นไม้ยอดฮิตอันเป็นที่รักของนักกีฬาเทนนิสหลาย ๆ คน ถือว่าติดอันดับต้น ๆ ของทุกชาร์ทเลยก็ว่าได้ ด้วยน้ำหนัก ขนาดของหน้าไม้ และความหนาที่กำลังดี ทำให้ไม้มีประสิทธิภาพทั้งด้าน Power และ Control

รุ่นใหม่มี FSI Power Technology และ String ที่กว้างขึ้น ช่วยเสริมทั้งพลังและความสามารถในการ Spin ให้สูงขึ้นอีกขั้น ส่งเสริมการเสิร์ฟแบบทรงพลังได้อย่างดีเยี่ยม แนะนำให้ใช้ได้ทุกระดับ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ยิ่งคนที่อยากพัฒนาไว ๆ ยิ่งควรลองใช้เลยค่ะ
เห็นอุปกรณ์ช่างน่าซื้อขนาดนี้ ยิ่งเมื่อทราบวิธีการเลือกด้วยแล้ว น่าจะมีใครสนใจมาลองเล่นเทนนิสกันบ้างแล้วใช่ไหมคะ ถ้ายังเขินอยู่ที่จะไปตีที่คอร์ท ลองศึกษาฟอร์มการตีของนักกีฬาจากการแข่งขันแมชต่าง ๆ แล้วซื้อไม้มา Knock board ตีกับกำแพงที่บ้านเลียนแบบฟอร์มไปก่อนก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะคะ เพราะการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง มาเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ดีกว่าค่ะ