แนะนำ 8 อันดับ คีย์บอร์ด เปียโน ยอดฮิตน่าซื้อ อัพเดทล่าสุดปี 2567

แหล่งรวมสินค้ามากกว่า 10000 แบรนด์ชั้นนำ ให้คุณได้เลือกได้อย่างจุใจ 24/7 สั่งซื้อได้ตลอดเวลา ช้อปออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. มั่นใจส่งไว โปรดีๆ แบบนี้พลาดไม่ได้เข้ามาช้อปกันด่วนเลย โปรโมชั่นเพียบ ซื้อวันนี้ ส่งวันนี้ โปรพิเศษเฉพาะช้อปออนไลน์ ส่งทั่วประเทศ
ราคาพิเศษมาแนะนำลูกค้าที่น่ารัก ราคาคุ้มค่า เราอยากนำเสนอ คีย์บอร์ด เปียโน  สินค้าทางอินเตอร์เน็ต  จากร้านค้า Online ที่ถู๊กถูกและเยี่ยมที่สุดในไทย สั่ง คีย์บอร์ด เปียโน  ไป ราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ลดราคาลงมาอีก ซื้อเลย สินค้าไม่เสียหาย มีคุณภาพ ส่งทางไปรษณีย์หรือไม่ก็ทางหน่วยจัดส่ง คุณภาพเยี่ยม ตอนนี้ลองใช้มาซักพักใช้ได้ดี ไม่มีความเสียหายไดๆจากการขนส่ง

     
หากคุณกำลังมองหาคีย์บอร์ด เปียโนพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย เราขอแนะนำให้รู้จักกับนวัตกรรมคีย์บอร์ด เปียโนชั้นเลิศจากแบรนด์ผู้ผลิตที่คร่ำวอดอยู่ในวงการ โดยแต่ละชนิดมีทั้งแบบ คีย์บอร์ด เปียโน ซึ่งวันนี้ทางเราจึงจัดอันดับ แนะนำ คีย์บอร์ด เปียโน ที่ตอบโจทย์กับตัวคุณมาให้เลือกกันแล้วดังนี้

5 ความแตกต่างระหว่างคีย์บอร์ดและ Piano
คีย์บอร์ด

1. Keyboard มีขนาดเล็กกว่า แม้ว่าหน้าตาของทั้งสองชนิดนี้จะดูคล้ายกันแต่ คีย์บอร์ด มีขนาดที่เล็กกว่าค่อนข้างมาก สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก ใช้งานได้ทั่วไป นิยมใช้งานคอนเสิร์ต ส่วนเปียโนมีขนาดที่ใหญ่และหนัก เคลื่อนย้ายยาก และไม่นิยมเคลื่อนย้าย ใช้เล่นอยู่กับที่

2. Keyboard เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ Piano เป็นเครื่องดนตรี Keyboard จัดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง เพราะทำงานโดยใช้ไฟฟ้า ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยใช้โปรแกรมควบคุม ส่วน Piano เป็นเครื่องดนตรีที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า สามารถกดเล่นได้เลย เมื่อกดลงไปแล้วจะมีเสียงคีย์ตามที่ต้องการ แต่ก็มี Piano แบบไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

3. Keyboard มีระดับเสียงที่หนัก – เบาเท่ากัน เมื่อลองกดลงบน Keyboard จะให้ระดับเสียงหนัก – เบาที่เท่ากันแม้ว่าจะกดแรงหรือกดเบาก็ตาม กดง่าย ไม่เมื่อยนิ้ว ไม่ต้องลงน้ำหนักมาก ส่วน เปียโน จะมีเสียงหนัก – เบาตามแรงกด หากกดแรงเสียงจะดัง หากกดเบาเสียงก็จะเบา

4. Keyboard เลียนเสียงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด นอกจากจะใช้เลียนเสียง Piano แล้วยังสามารถเลียนเสียงเครื่องดนตรีได้อีกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกลอง กีต้าร์ เบส หรืออื่น ๆ เพราะเป็นเครื่องสังเคราะห์เสียงหรือซินธิไซเซอร์นั่นเอง เราจึงได้เห็นอุปกรณ์ชนิดนี้อยู่บนเวทีการแสดงบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นละครเวที คอนเสิร์ต หรือการแสดงอื่น ๆ ก็ตาม

5. Keyboard มี 61 และ 64 คีย์ ส่วน Piano มี 88 คีย์
สำหรับมือใหม่ที่อยากเล่นเครื่องดนตรีทั้งสองชนิดนี้แนะนำว่าควรเริ่มจากการเล่นคีย์บอร์ดก่อน เพราะมีสัมผัสที่เบาและเล่นง่าย ได้เรียนรู้เรื่องคีย์และการสังเคราะห์เสียง ช่วยให้เข้าใจคีย์ต่าง ๆ และเทคนิคการเลียนเสียงเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ เมื่อหันไปเล่นเปียโนแล้วจะทำความเข้าใจได้ง่าย เพราะมีสัมผัสที่คล้ายกัน เพียงแต่มีคีย์ที่มีมากกว่า ต้องลงน้ำหนักมือให้พอดีกับจังหวะและจะสามารถเล่นได้ดี แตกต่างกับคนที่เริ่มเล่น Piano ก่อนแล้วจึงค่อยหันมาเล่น Keyboard ที่จะเกิดความสับสนและต้องใช้เวลาฝึกฝนนานเพื่อให้เล่นได้ดี

เทคนิคการเล่นสำหรับมือใหม่ ควรเริ่มจากการฝึกความคุ้นเคยก่อน โดยให้ฝึกจับคีย์ วางนิ้วให้ถูกตำแหน่ง และลองใช้ประสาทสัมผัสทางร่างกายและหูให้ไปพร้อม ๆ กัน โดยการฟังไปด้วยและเคลื่อนไหวนิ้วมือไปด้วย จะช่วยให้เล่นได้ดีขึ้น จากนั้นเรียนรู้เกี่ยวกับคีย์ต่าง ๆ และฝึกเล่นให้แม่นยำ ฝึกไล่เสียงเพื่อให้มือคุ้นชิ้นกับตัวโน๊ต และเริ่มเล่นจากเพลงง่าย ๆ ก่อน โดยในการฝึกฝนนั้นควรพยายามให้มองคีย์ให้น้อยที่สุด เพื่อฝึกนิ้วมือให้จำตำแหน่งได้เร็ว และฝึกให้มากขึ้นจนสามารถเล่นได้แบบไม่ต้องมองคีย์ จากนั้นจึงเริ่มเรียนรู้โปรแกรมการสังเคราะห์เสียงต่าง ๆ

คีย์บอร์ด ดูเหมือนว่าจะเล่นยากแต่ความจริงแล้วไม่ได้ยากอย่างที่คิด เป็นเครื่องสังเคราะห์เสียงที่เล่นง่าย สนุก และท้าทาย สามารถเสกเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ มาอยู่ในเวทีเดียวกันได้ สำหรับใครที่อยากเล่นก็สามารถหาซื้อมาลองเล่นกันได้ มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วราคาของเครื่องสังเคราะห์เสียงนั้นก็ถือว่าค่อนข้างสูงอยู่แล้ว หากได้เครื่องที่คุณภาพดีราคาก็จะขับสูงขึ้นมาหน่อย โดยจะอยู่หมื่นต้น ๆ ไปจนหลายหมื่นเลย มีให้เลือกทั้งแบบมีสายและแบบไร้สาย ส่วนในการดูแลรักษาควรป้องกันไม่ให้ฝุ่นละลองจับ โดนน้ำ หรืออยู่ในที่ที่มีความชื้นสูง หลังใช้งานแล้วควรใช้ผ้าลูบฝุ่นออกและเก็บใส่กล่องหรือใช้ผ้าคลุมทุกครั้ง