จัด 8 อันดับ กล้องถ่ายรูปกันน้ำ ที่ซื้อแล้วไม่ผิดหวัง อัพเดทล่าสุดปี 2567

ชวนคุณมาช้อปออนไลน์กับสินค้าคุณภาพดี จากหลากหลายแบรนด์ดัง ช๊อปออนไลน์กับร้านแนะนำของเรา ช้อปรับส่วนลดมากมาย มีคูปอง การชำระเงินที่ปลอดภัย ส่งด่วน มีโปรจัดส่งฟรี
ราคาพิเศษมาแนะนำลูกค้าที่น่ารัก ราคาถูกมาก เราขอแนะนำ กล้องถ่ายรูปกันน้ำ  สินค้าออนไลน์  จากร้านค้า Online ที่ถู๊กถูกและเยี่ยมที่สุดในไทย สั่ง กล้องถ่ายรูปกันน้ำ  ไป ราคาถุกกว่าร้านอื่นๆ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาน่าจะลดลง ซื้อเลย สินค้าไม่เสียหาย มีคุณภาพ ส่งทางไปรษณีย์หรือไม่ก็ทางหน่วยจัดส่ง คุณภาพเยี่ยม ได้ลองแล้วนับว่าดีเลยทีเดียว ไม่มีปัญหา

     
คุณรู้หรือไม่? การเลือกซื้อกล้องถ่ายรูปกันน้ำแต่ละชนิดนั้นมีทั้ง กล้องถ่ายรูปกันน้ำ นอกจากจะพิจารณาเรื่องของการใช้งานไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ คุณภาพ ความทนทาน ชื่อเสียงของแต่ละรุ่นแล้ว ยังควรพิจารณาในเรื่องของพื้นที่ในการจัดวางและพื้นที่ใช้สอยในกล้องถ่ายรูปกันน้ำอีกด้วย โดยวันนี้เราได้จัดอันดับ กล้องถ่ายรูปกันน้ำแบบที่มีคุณภาพดีมีประสิทธิภาพมาให้คุณได้เลือกกันแล้ว ดังนี้

ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ หลาย ๆ คนคงมีทริปไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์กันใช่มั้ยล่ะคะ ยิ่งเป็นวัยรุ่นวัยมหาวิทยาลัยหลาย ๆ คนก็กำลังปิดเทอมอยู่พอดี กิจกรรมในช่วงหน้าร้อนก็คงจะหนีไม่พ้นการเที่ยวทะเล น้ำตก รวมไปถึงกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมให้เลือดได้สูบฉีดไปทั่วร่างกาย ซึ่งไหน ๆ ก็ไปลุยกันถึงที่แล้ว หากไม่ได้เก็บภาพกลับไปก็คงเสียดายแย่ ดังนั้นครั้งนี้เราจึงขอนำเสนอ “กล้องถ่ายรูปกันน้ำ” หรืออุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับพกไปถ่ายใต้น้ำหรือถ่ายขณะเล่นน้ำ สาดน้ำกันให้เต็มที่ ซึ่งกล้องถ่ายรูปกันน้ำในปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อที่ฮิตกัน ไม่ว่าจะเป็น Gopro, Olympus, Fuji หรือ Sony ทำให้หลายคนตัดสินใจเลือกยากว่า อย่างเรา ต้องเลือกกล้องกันน้ำแบบไหน ยี่ห้อไหนกันดี?

วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำ ไปพร้อม ๆ กับแนะนำ 10 อันดับกล้องถ่ายรูป กันน้ำ ยอดฮิตขายดี ที่สามารถซื้อออนไลน์ได้ ซึ่งหวังว่าเมื่อผู้อ่านได้ลองอ่านบทความนี้แล้ว จะสามารถเลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง และใช้ได้ไปนาน ๆ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียและเลือกให้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของเรากันนะคะ
กล้องถ่ายรูปกันน้ำ ความหมายก็ตามตัวอักษรคือเป็นกล้องถ่ายรูปที่สามารถกันน้ำได้ แต่ไม่ใช่แค่กันน้ำสาดโดน หรือการโดนน้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่เป็นกล้องที่มีความประสิทธิภาพในการกันน้ำระดับที่สามารถใช้ถ่ายภาพใต้น้ำได้ เช่นกล้องที่ใช้เวลาไปดำน้ำเป็นต้นค่ะ
เมื่อพูดถึงกล้องถ่ายรูปกันน้ำ ด้วยความที่เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้หลายคนเลือกที่จะซื้อตามคนอื่นแต่กลับได้กล้องที่ตัวเองใช้ไม่ถนัด ใช้งานได้ไม่นานก็เบื่อแล้ว ดังนั้นแทนที่จะเสียเงินซื้อกล้องใหม่ทุกครั้งที่ออกทริป เรามาตัดสินใจซื้อกล้องที่สามารถใช้ได้นานๆ ด้วยวิธีการเลือกแบบนี้กันดีกว่า
สำหรับการซื้อกล้องถ่ายรูปกันน้ำ อย่างแรกที่ควรเช็คเลยก็คือประสิทธิภาพในการใช้งานกลางแจ้ง ได้แก่ คุณสมบัติในการกันน้ำ, กันฝุ่น และทนทานต่อแรงกระแทกค่ะ
ด้วยความที่เป็นกล้องกันน้ำ คุณสมบัติแรกที่ควรนึกถึงจึงเป็นการกันน้ำค่ะ แต่คุณสมบัติกันน้ำนั้นก็มีหลายระดับด้วยกัน ซึ่งกล้องกันน้ำทั่วไปในท้องตลาดจะออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ในระดับน้ำลึก 3-10 เมตร สำหรับคนที่เล่นน้ำปกติหรือดำน้ำในระดับตื้น ๆ แต่กล้องถ่ายภาพใต้น้ำที่ดีและคุ้มค่าที่สุด ควรสามารถเก็บภาพได้ในระดับความลึก 10 เมตรเป็นอย่างน้อยค่ะ
สำหรับการดำน้ำลึกที่ต้องพกถังออกซิเจนไปด้วย เพื่อเก็บภาพสิ่งมีชีวิตใต้น้ำหรือปะการัง ควรเลือกกล้องที่สามารถใช้งานได้ในระดับน้ำลึก 30 เมตรขึ้นไป อย่างไรผู้อ่านก็ลองคาดเดาดูคร่าว ๆ ว่าจะนำไปใช้ในระดับน้ำลึกแค่ไหนแล้วเลือกกล้องที่เหมาะสมกับการใช้งานให้มากที่สุดนะคะ
ขึ้นชื่อว่าออกทริปถ่ายรูปนอกสถานที่ ย่อมมีปัญหาฝุ่นเข้าไปในตัวกล้องแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทรายตามชายหาดหรือเศษดินที่พัดมาตามลม ซึ่งฝุ่นละอองและเศษผงเหล่านี้มักจะสร้างปัญหาให้กับกล้องของเรา เช่น ปัญหาทรายข่วนหน้าเลนส์ ฝุ่นเกาะเซนเซอร์ เป็นต้น ดังนั้นเราจึงควรเลือกกล้องกันน้ำที่มีคุณสมบัติในการกันฝุ่นในตัวด้วย
คนเล่นกล้องกันน้ำหลายๆ คนคงเคยเห็นสัญลักษณ์ IP○△ ข้างๆตัวกล้องและกล่องใส่กล้องกันใช่มั้ยล่ะคะ? IP○△ เป็นสัญลักษณ์ที่บอกความสามารถในการกันน้ำและกันฝุ่นของกล้องถ่ายรูปกันน้ำตัวนั้นๆ ซึ่งตัวเลขที่ใส่ใน ○ คือเกรดที่บอกความสามารถในการกันฝุ่น ส่วนตัวเลขที่ใส่ใน △ เป็นเกรดที่บอกความสามารถในการกันน้ำ
อย่างไรก็ตาม เราจะมาโฟกัสกันที่เกรดที่บอกความสามารถในการกันฝุ่น ซึ่งจะมีเกรดอยู่ที่ 0 ถึง 6 สำหรับกล้องถ่ายรูปกันน้ำคู่ใจที่เหมาะจะนำไปผจญภัยในทุกทริปของเรานั้นควรอยู่ในเกรด 6 หรือ IP 6 Δ นั่นเองค่ะ
ความสามารถในการกันฝุ่น แบ่งตามเกรด
เกรด 1 : ป้องกันได้น้อยที่สุด กันของแข็งที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 mm ขึ้นไป (ประมาณกำปั้นมือ)
เกรด 2 : กันของแข็งที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12.5 mm ขึ้นไป (ประมาณนิ้วมือ)
เกรด 3 : กันลวด, สายไฟและของแข็งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 mm ขึ้นไป
เกรด 4 : กันลวด, สายไฟและของแข็งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 mm ขึ้นไป
เกรด 5 : กันฝุ่นที่ทำอันตรายต่อกล้องได้ทั่วไป
เกรด 6 : กันฝุ่นและเศษละอองไม่ให้เข้าตัวกล้อง มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นมากที่สุด
อีก 1 ปัญหาของการถ่ายรูปเมื่อออกทริปข้างนอกคือโอกาสที่เราจะทำกล้องกระทบ กระแทกหรือทำตกหล่นนั้นเกิดขึ้นได้ ยิ่งเวลาไปเที่ยวกับครอบครัวแล้วมีบรรดาน้องเล็กซน ๆ ไปด้วย ซึ่งความซนของเด็ก เมื่อเห็นกล้องมักจะเข้ามาเล่นกล้องจนเผลอทำตกแตก เสียหายได้ ดังนั้นเราจึงต้องเลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่มีคุณสมบัติกันกระแทก เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
ส่วนใหญ่แล้ว กล้องที่ผ่าน Drop Test หรือการทดสอบแรงกระแทก มักจะมีค่าตัวเลขที่บอกว่าสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ดีขนาดไหน ยิ่งค่าตัวเลขสูง คุณสมบัติทนต่อแรงกระแทกยิ่งสูงไปด้วย แต่ก็ไม่แนะนำให้เอากล้องไปโยนเล่นหรือลองทดสอบโยนกล้องจากที่สูงเองนะคะ ค่าตัวเลขที่ปลอดภัยคือ 2 เมตรขึ้นไป ซึ่งจะทำให้คุณสามารถใช้กล้องถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ ในทุกที่ ทุกสถานการณ์เลยล่ะค่ะ
หากเราซื้อกล้องมาในราคาแพง แต่ภาพที่ได้ดันแตก เบลอ มันก็น่าเสียดายใช่มั้ยล่ะคะ ดังนั้น ก่อนซื้อกล้องถ่ายรูปกันน้ำ ควรเช็คความละเอียดและช่วงซูมของกล้องทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ภาพและขนาดของภาพที่ต้องการค่ะ
พิกเซล (Pixel) เป็นหน่วยบอกความละเอียดภาพ ซึ่งส่งผลต่อความคมชัดของภาพเวลาขยายให้ใหญ่ขึ้น (ยิ่งจำนวนพิกเซลเยอะ ยิ่งได้ภาพขนาดใหญ่คมชัด) ส่วนมากการบอกจำนวนพิกเซล จะบอกเป็นแนวนอน x แนวตั้ง เช่น 1024 x 768 pixel และหน่วยภาพอีกหน่วยที่เรามักจะเจอในการเลือกซื้อกล้องคือหน่วย megapixel หรือล้านพิกเซล ถ้าเจอคำว่า 5 megapixel อยู่ในสเปคของกล้อง แสดงว่ากล้องตัวนั้นมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลนั้นเองค่ะ
ความละเอียดมาตรฐานของภาพควรมีจำนวน 2 ล้านพิกเซลขึ้นไป ซึ่งเป็นขนาดที่ชัดพอดี ไม่แตก ไม่เบลอ อัดออกมาแล้วได้รูปถ่ายขนาด 3.5 x 5 นิ้ว ในขณะที่ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล เหมาะกับภาพขนาด A4, 7 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับภาพขนาด A3 และความละเอียด 10 ล้านพิกเซล เหมาะกับภาพโปสเตอร์
ถ้าต้องการอัดภาพใส่กระดาษที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ ก็ควรเลือกกล้องถ่ายรูปที่มีจำนวนพิกเซลมากขึ้นไปอีก แต่สำหรับการถ่ายภาพเพื่อลงในบล็อก (Blog) หรือโซเชียลส่วนตัวอย่าง Facebook, Instagram, Twitter จำนวนพิกเซลน้อย ๆ อย่าง 2 ล้านพิกเซลก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ
นอกจากนี้ งบประมาณก็เป็นเรื่องสำคัญในการเลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำด้วย กล้องถ่ายรูปพวกนี้ ถ้ามีความละเอียดสูง ก็จะยิ่งราคาแพงขึ้นไปอีก ดังนั้น ลองสำรวจสไตล์การอัดภาพของตัวเองดูนะคะว่าต้องการรูปภาพขนาดใหญ่เท่าใด เพื่อความคุ้มค่ากับงบประมาณนั่นเองค่ะ
โดยปกติแล้ว กล้องดิจิตัลนั้นจะมีระบบซูม 2 แบบคือ Digital Zoom กับ Optical Zoom ซึ่ง Digital Zoom คือการนำภาพมาขยายหรือการครอปให้ใกล้ขึ้น ภาพที่ได้จึงมักแตก ไม่คมชัด ส่วน Optical Zoom คือการซูมโดยดึงภาพเข้ามาให้ใกล้ขึ้น ซึ่งการซูมแบบนี้จะไม่ส่งผลต่อความละเอียดของภาพ คุณภาพของภาพที่ได้ก็จะคมชัด ไม่แตกเหมือนแบบ Digital Zoom
เวลาที่เราถ่ายภาพใต้น้ำเนี่ย ก็จะมีซอกหลืบหรือสัตว์น้ำที่เราไม่สามารถเข้าใกล้เพื่อเก็บภาพได้ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะเหตุนี้เราจึงแนะนำให้เลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่มี Optical Zoom ซึ่งจะช่วยให้เราถ่ายภาพระยะไกลในความละเอียดที่สูงได้อย่างปลอดภัยเลยล่ะค่ะ
ค่ารูรับแสงหรือที่หลายๆคนเรียกกันติดปากว่า “ค่า f (f-value)” เป็นค่าที่ควบคุมการเปิดรับแสงที่ผ่านเข้ามาในไดอะแฟรม ยิ่งค่า f น้อย (หรือที่เรียกกันว่า เปิด f กว้างๆ) เราจะยิ่งได้ภาพที่สว่างและเป็นภาพชัดตื้น (หน้าชัดหลังเบลอ) ที่โฟกัสให้วัตถุโดดเด่นขึ้นมา
ในระดับน้ำลึกเนี่ย จะเป็นที่ ๆ แสงเข้าไปไม่ถึง ภาพก็จะออกมามืด ดังนั้น การเลือกใช้กล้องที่สามารถเปิดค่ารูรับแสงได้กว้าง ก็จะทำให้เราได้ภาพที่ไม่มืดเกินไป ซึ่งค่า f ที่เราแนะนำจะอยู่ที่ 2.8 ค่ะ
ทางยาวโฟกัสคือระยะห่างจากเลนส์ถึงจุดโฟกัส(เซ็นเซอร์หรือฟิล์มในกล้อง) โดยจะเขียนระบุไว้เป็นระยะ เช่น 25mm-100mm ยิ่งตัวเลขมีค่าน้อยก็จะถ่ายภาพได้ในระยะกว้าง ถ้าตัวเลขมีค่ามากก็จะถ่ายภาพได้ในระยะไกล เวลาเลือกซื้อเราจึงควรพิจารณาว่าเราอยากได้ภาพในลักษณะใด ถ้าอยากได้ภาพแนวกว้างเห็นวิวโดยรวมก็ให้เลือกกล้องที่ค่าทางยาวโฟกัสต่ำ ๆ ถ้าอยากถ่ายซูมให้เห็นวัตถุไกล ๆ ก็ให้เลือกกล้องที่ทางยาวโฟกัสสูง ๆ ค่ะ
หลังจากกลับจากทริปในวันหยุดยาวแล้วลองเปิดกล้องดูรูปภาพที่ถ่ายมา ถ้ารูปที่ได้ดันเป็นรูปที่เบลอเพราะกล้องสั่นล่ะ ก็คงเสียอารมณ์มาก ๆ เพราะจะให้กลับไปถ่ายใหม่ก็ไม่ได้แล้ว แต่การถ่ายภาพใต้น้ำโดยที่ภาพไม่สั่นเลยคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น เราควรเลือกกล้องที่มีคุณสมบัติกันสั่นในตัว เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดและนิ่งที่สุด
หากเน้นการถ่ายภาพให้ได้คุณภาพ ไม่สั่นแม้ต้องมีการเคลื่อนไหวเยอะ ๆ แนะนำให้เลือกกล้องที่มีระบบกันสั่นแบบ Optical Image Stabilization (OIS) ซึ่งจะเซ็นเซอร์จะเคลื่อนตัวเพื่อลดการสั่นไหวก่อนจะทำการถ่ายภาพ ทำให้ภาพออกมาชัดเจนมากกว่า แต่ราคาก็จะค่อนข้างสูงค่ะ
หากอยากได้ภาพที่สวยพอประมาณด้วยงบที่ประหยัด แนะนำกล้องที่มีระบบกันสั่นแบบ Electronic Image Stabilization (EIS) ซึ่งเป็นระบบการตกแต่งภาพ ชดเชยการสั่นเพื่อให้ได้ภาพที่ถูกต้องหลังจากที่ถ่ายภาพเสร็จแล้ว ซึ่งการตกแต่งภาพก็มีความสามารถที่จำกัด ภาพที่ออกมาอาจจะไม่สวยเท่าระบบ OIS แต่จะมีราคาที่ถูกกว่า ซึ่งถ้าหากต้องการประหยัดงบ การเลือกกล้องที่ใช้ระบบกันสั่นแบบ EIS ที่มีราคาถูกกว่าก็ถือว่าเพียงพอแล้วและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากล้องที่ไม่มีระบบกันสั่นแน่นอนค่ะ
เวลาดำน้ำหรือทำกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมต่าง ๆ เรามักต้องการความคล่องตัว แต่ถ้าหากกล้องถ่ายรูปที่เราใช้มีขนาดใหญ่ มีกลไกการใช้งานที่ซับซ้อน ยิ่งอยู่ในน้ำที่มีแรงต้านทาน ยิ่งขยับมือได้ยากขึ้นไปอีก แบบนี้เราคงจะพลาดช็อตสำคัญไปแน่ ๆ เลยใช่มั๊ยล่ะคะ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เลือกกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่มีขนาดเล็ก ใช้งานง่ายและพกพาสะดวก เพื่อความรวดเร็วในการถ่ายค่ะ
นอกจากนี้ อีกจุดที่ต้องใส่ใจมาก ๆ เลยก็คือ ขนาดของปุ่มกดชัตเตอร์ เพราะเวลาที่เราอยู่ใต้น้ำแล้วสวมใส่ถุงมือนั้น จะทำให้กดปุ่มชัตเตอร์ยากขึ้น ดังนั้นควรเลือกที่มีปุ่มชัตเตอร์ใหญ่ ๆ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน
ขึ้นชื่อว่าเป็นกล้องถ่ายรูปกันน้ำ แต่ก็ใช่ว่าจะเอามาถ่ายรูปใต้น้ำอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ สาว ๆ อย่างเราก็ต้องถ่ายเซลฟี่เก็บไว้บ้างใช่มั้ยล่ะคะ?
ดังนั้น หากเลือกกล้องที่มีหน้าจอหมุนพับได้หรือแบบที่เป็นจอ LCD ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการถ่ายเซลฟี่มาก ๆ ยิ่งถ้ามีโหมดปรับหน้าเนียนด้วยล่ะก็ สาว ๆ คงอยากจะพกไปด้วยทุกทริปเลยเชียวค่ะ
คนที่นาน ๆ ทีถึงจะมีโอกาสไปถ่ายภาพใต้น้ำ จะให้ซื้อกล้องกันน้ำโดยเฉพาะก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้คุ้มหรือเปล่า การซื้อแต่เคสกันน้ำไปก่อนก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ ปัจจุบันนอกจากเคสกันน้ำสำหรับกล้องถ่ายรูปแล้วยังมีเคสกันน้ำสำหรับสมาร์ทโฟนออกจำหน่ายด้วย แม้เรื่องฟังก์ชันต่าง ๆ อาจจะสู้กล้องกันน้ำโดยเฉพาะไม่ได้ แต่ก็ทำให้เราสนุกกับการถ่ายภาพในน้ำได้ง่ายขึ้น เอาไว้คิดถ่ายภาพใต้น้ำจริงจังเมื่อไหร่ค่อยซื้อกล้องกันน้ำทีหลังก็ไม่สายค่ะ
ในส่วนนี้ จะเป็นการแนะนำกล้องถ่ายรูปกันน้ำ 10 อันดับ ซึ่งเราได้รวบรวมจากฟีดแบคและรีวิวผู้ใช้จริง จะมีกล้องตัวไหนที่ถูกใจผู้อ่านกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
กล้องคอมแพคกันน้ำจากค่าย SJCAM ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 2 นิ้ว ทำให้สามารถมองภาพได้ชัดเจนขึ้น ความละเอียดภาพสูงถึง 12 megapixel วิดีโอมีความละเอียดสูงสุด 1080P 30FPS แต่ที่โดนใจพวกเรามากๆเลยก็คือ มี WIFI ซึ่งสามารถรองรับระบบ Android และ IOS ส่งภาพลงโซเชียลกันสนุกเลยล่ะ

จุดเด่นที่เท่มาก ๆ ของกล้องตัวนี้คือ การชดเชยแสงสีแดง ซึ่งเป็นแสงสีที่ขาดหายไปจากการถ่ายรูปใต้น้ำนั่นเอง ทำให้ภาพที่ออกมาไม่ติดสีฟ้ามากเกินไป ภาพดูสมจริง มีชีวิตชีวา สามารถเก็บรายละเอียดภาพใต้น้ำได้ครบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมไมโครโฟนในตัว แบตเตอรี่อยู่ได้นานถึง 70 นาที อย่างไรก็ตาม ยังขาดคุณสมบัติกันสั่นไป จึงอาจต้องใช้ทักษะเล็กน้อยในการถ่าย
กล้องตัวนี้เมื่อใช้ร่วมกับเคส (ซื้อแยก) สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 60 เมตร ให้ภาพคมชัดที่ความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงที่ F2.8 แบตเตอรี่ทนทานกว่าหลาย ๆ ยี่ห้อ ถ่ายได้จุใจ แถมยังรองรับระบบ Wifi ในตัว ควบคุมการทำงานได้ผ่านสมาร์ทโฟน

หากคุณเป็นนักเล่นกล้องมือใหม่ที่อยากลองซื้อกล้องกันน้ำตัวเล็ก ๆ มาลองใช้ดูก่อน กล้องตัวนี้รับรองว่าไม่มีผิดหวังเพราะใช้งานได้ง่าย แถมมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 72 กรัม ซึ่งน้อยกว่ากล้องถ่ายรูปกันน้ำยี่ห้ออื่นถึงเกือบ 2 เท่าเลยทีเดียว ทำให้พกพาไปไหนได้สะดวก
แม้ราคาจะไม่แพงแต่กล้องจาก Nanotech เป็นหนึ่งในกล้องที่ตอบโจทย์คนรักกิจกรรม การผจญภัยต่าง ๆ Outdoor ที่นอกเหนือไปจากการว่ายน้ำ ด้วยอุปกรณ์เสริมที่ครบครันที่ช่วยให้คุณพกพาไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเล่นสกี ขี่จักรยานและอื่น ๆ

กล้องให้ความละเอียดภาพสูงสุดที่ 16 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายรูปต่อเนื่องได้ 5 ช็อต และมีฟังก์ชันถ่ายภาพแบบ Slow Motion ให้เล่นสนุก ๆ ด้วย ผู้ใช้บางท่านคอมเม้นท์ไว้ว่าไม่สามารถถ่ายรูปในที่มือได้ดีนักค่ะ จุดเด่นอีกอย่างของกล้องรุ่นนี้คือมีรีโมทคอนโทรลเป็นสายรัดติดข้อมือให้สายเอ็กซ์ตรีมใช้กล้องได้ทุกอิริยาบท ถือว่าเป็นกล้องราคาดีที่น่าลองใช้อีกตัวหนึ่งค่ะ
หากใครที่กำลังประสบปัญหาไปเที่ยวกับเด็กหรือชอบทำกิจกรรมผาดโผนบ่อย ๆ กล้อง Nikon รุ่น COOLPIX W100 จะสามารถตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีจุดเด่นในการป้องกันการตกกระแทกพื้นถึง 1.8 เมตร หมดปัญหากล้องพัง กล้องแตก แถมยังกันฝุ่นได้ดี เหมาะสำหรับขาลุยมาก ๆ

กล้องตัวนี้ยังใช้เซ็นเซอร์ CMOS ที่ประมวลผลเร็วกว่าเซ็นเซอร์แบบเก่า ความละเอียดสูงถึง 13.2 ล้านพิกเซล สามารถกันน้ำได้ในระดับความลึกสูงสุด 10 เมตร ปุ่มควบคุมการทำงานใช้ได้ง่าย มาพร้อมกับจอ LCD กว้างถึง 2.7 นิ้ว ช่วยให้มองเห็นภาพชัดเจน ทั้งยังมีหลายสีให้เพลิดเพลิน
กล้องตระกูล COOLPIX มาพร้อมเลนส์ NIKKOR ที่สามารถซูมออพติคอล (Optical Zoom) ได้ 5 เท่า ให้เราได้เก็บภาพสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ใต้ท้องทะเลได้อย่างสบายใจ ขนาดรูรับแสงกว้างสุดที่ f/2.8 ความละเอียดภาพสูงถึง 16 ล้านพิกเซล รับรองว่าได้ภาพคมชัดกว่ากล้องกันน้ำหลาย ๆ ยี่ห้อแน่นอน

ที่เราเกริ่นไว้ว่ากล้องตัวนี้นับเป็นคู่ใจของสายเอ็กซ์ตรีมก็เพราะความสามารถในการกันน้ำในระดับน้ำลึก 30 เมตร กันกระแทกที่ความสูง 2.4 เมตร มีกริปจับกระชับมือและปุ่มลั่นชัตเตอร์ที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะมากกับคนที่ชอบถ่ายรูปในที่แคบหรือที่มืดที่แสงสว่างส่องเข้าไปไม่ถึง เพราะกล้องตัวนี้มีปุ่มไฟ LED ช่วยอำนวยความสะดวก
กล้อง GoPro HERO7 ตัวนี้ภายนอกดูคล้ายกับรุ่นเก่าจนแทบแยกไม่ออก แต่คุณสมบัติที่พัฒนาขึ้นมาให้เหนือกว่าตัวเก่าก็คือ การรองรับการถ่ายวิดิโอ 4K 60 เฟรม/วินาที ถ่ายภาพในที่มืดได้คมชัดกว่าเดิมและสามารถซูมภาพได้ผ่านระบบสัมผัส สั่งงานด้วยเสียงได้ 16 ชนิดเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

เรื่องคุณสมบัติกันน้ำยังทำได้เท่ารุ่นเก่า จึงแนะนำให้หาซื้อ Housing มาใส่เพื่อเพิ่มศักยภาพการกันน้ำลึก อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ไฟล์วิดีโอพัฒนาขึ้นมาก คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนบางยี่ห้อที่สเปกน้อย ๆ อาจจะรองรับไม่ไหว ดังนั้น ก่อนซื้ออย่าลืมตรวจสอบสเปกของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะนำภาพ/วิดีโอไปลงด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดได้ภาพสวย ๆ แต่อัพโหลดลงไม่ได้
กล้องตัวเล็กจากค่าย Eken มีระบบ White balance ที่ทำให้ได้สีใกล้กับภาพจริง คุณภาพรูปและวิดีโอคมชัด มาพร้อมเคสกันน้ำ 30 เมตร เหมาะสำหรับคนที่พร้อมลุยในทุก ๆ กิจกรรมโลดโผน ซึ่งสามารถใช้ถ่ายรูปได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องกลัวแบตหมดเลยเพราะว่ากล้องตัวนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 1050mAh ถ่ายได้ยาว ๆ เลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังโดดเด่นเพราะมีรีโมทควบคุมการทำงานที่กันน้ำได้ถึง 15 เมตรและอุปกรณ์เสริมจำนวนมากมาให้ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ที่สำคัญราคาถูกกว่ากล้องถ่ายรูปกันน้ำสเปกเดียวกันหลาย ๆ ยี่ห้อ
สำหรับคนที่รักการผจญภัย เป็นสายกิจกรรมชอบบุกน้ำลุยไฟหรือแม้แต่ลุยน้ำแข็ง Fujifilm ก็ทำกล้องออกมาเพื่อเอาใจคุณเลยล่ะ ซึ่งกล้องตัวนี้โดดเด่นที่ระบบป้องกันทั้ง 4 ไม่ว่าจะเป็นระบบกันน้ำ (ลึกสูงสุด 20 เมตร) ระบบกันกระแทก (จากความสูง 1.75 เมตร) ระบบป้องกันอุณหภูมิ (สามารถนำไปถ่ายได้ในอุณหภูมิต่ำสุดคือ -10 องศาเซลเซียส) และระบบกันฝุ่น/ทราย

นอกจากนี้ยังมีความละเอียดถึง 16.4 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าสูงกว่ากล้องกันน้ำทั่วไป มาพร้อมคุณสมบัติกันสั่น ทำให้ได้ภาพที่สมจริงและคมชัด ควบคุมการทำงานได้ง่าย ๆ ผ่านระบบ Wifi
กล้องขนาดกะทัดรัด แต่สเปคจัดเต็มด้วยค่ารูรับแสง f 2.0 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการผจญภัยใต้น้ำ รองรับการถ่ายวิดิโอ 4K มาพร้อมระบบกันสั่น 5 แกน กันความเย็น กันกระแทกที่ความสูง 2.1 เมตรและกันน้ำลึกได้สูงสุด 30 เมตร มีระบบ WIFI ในตัว หน้าจอพับได้ถึง 90 องศา มีลักษณะการใช้งานคล้ายๆ กล้องถ่ายวิดีโอรุ่นเก่าๆ จับได้ถนัดมือ

นอกจากนี้ยังมีปุ่มชัตเตอร์ขนาดใหญ่ กดได้ง่ายๆ แม้จะใส่ถุงมืออยู่และมีไฟ LED ที่ทำหน้าที่เป็นไฟฉายในตัว เพิ่มความสว่างเมื่อต้องใช้งานในที่มืด
Action Cam คุณภาพจากค่ายโซนี่ ซึ่งตัวนี้นอกจากจะมีสเปกจัดเต็มมาก ๆ แล้วยังมาพร้อมรีโมท Live View และเคสกันน้ำลึกถึง 60 เมตรที่สามารถกันฝุ่นกันกระแทกได้ในตัว เพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการถ่ายหรือบันทึกภาพ ดีไซน์เรียบสวย ควบคุมการทำงานได้ง่าย

ตัวชูโรงของกล้องตัวนี้ก็คือ เลนส์ Carl Zeiss อันโด่งดังมายาวนาน ให้ภาพคมชัดสมจริงกว่าเลนส์ทั่วไป พร้อมระบบกันสั่น Balanced Optical SteadyShot ซึ่งมีประโยชน์ในการถ่ายวิดีโอมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีไมค์รับเสียงในตัว เหมาะกับเหล่า Vlogger ที่ชอบถ่ายคลิปวิดีโอท่องเที่ยวลงในโซเชียล
เห็นราคากล้องถ่ายรูปกันน้ำข้างบนแล้ว หลาย ๆ คนก็คงจะเหงื่อตกเลยนะคะ สำหรับคนที่อยากจะเอากล้องไปใช้ในทริปสั้น ๆ ไม่ได้จริงจังกับการใช้งานมากขนาดนั้น เราขอแนะนำ กล้องถ่ายรูปกันน้ำแบบใช้แล้วทิ้ง ที่สามารถใช้งานได้เหมือนกัน แต่ราคาจะถูกกว่ากล้องกันน้ำทั่วไปเป็นเท่าตัวเลยค่ะ
ซึ่งด้วยความที่เป็นกล้องใช้แล้วทิ้ง ประสิทธิภาพจึงไม่ได้ดีเทียบเท่ากับกล้องถ่ายรูปกันน้ำแบบดิจิตอล ซึ่งถ้าหากนำมาถ่ายรูปเล่น ๆ สนุก ๆ ก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่ถ้าหากต้องการรูปถ่ายที่ดีนั้น ขอแนะนำว่าให้ลองมองกล้องถ่ายรูปกันน้ำแบบดิจิตอลที่เป็นมือสองหรือลองมองหาอุปกรณ์อื่นอย่างเคสกันน้ำจะดีกว่าค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับกล้องถ่ายรูปกันน้ำที่เราได้แนะนำกันไปในบทความ ซึ่งก็มีหลากหลายรุ่น หลากหลายราคา แต่ก็ใช่ว่ากล้องที่แพงที่สุด จะเป็นกล้องที่ดีที่สุดเสมอไปนะคะ เพราะกล้องที่ดีที่สุดคือกล้องที่ตรงกับความต้องการของเรา เหมือนกับจิ๊กซอว์ ถ้าใหญ่จนเกินไปมันก็เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดไม่ได้ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะฉะนั้น จึงควรเลือกกล้องที่ตรงกับความต้องการของเราที่สุดดีว่า
หวังว่าหลายๆคนที่อ่านบทความนี้ จะได้ความรู้ในการเลือกซื้อกล้องถ่ายรูปกันน้ำไปพอสมควรนะคะ ถ้าใครที่อ่านบทความนี้แล้วถูกใจกล้องจนกดสั่งซื้อไปแล้วละก็ อย่าลืมมารีวิวให้ฟังกันบ้างนะคะ