8 อันดับ คุชชั่นเกาหลี รุ่นไหนดี อัพเดทล่าสุดปี 2567

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบกันว่า เจ้าคุชชั่นตลับที่วางขายกันมากมายในปัจจุบันนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลีใต้ โดยบริษัท AmorePacific ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังของเกาหลีหลายแบรนด์นั้นเป็นบริษัทที่พัฒนาไอเทมชนิดนี้ขึ้น มีจุดประสงค์เพื่อคิดค้นวิธีการใช้รองพื้นได้อย่างสะดวกมากขึ้น รวมทั้งยังให้ผิวหน้าได้รับการบำรุงในขณะที่ใช้ด้วยกัน

นอกจากเกาหลีจะเป็นผู้คิดค้นคุชชั่นขึ้นมาแล้ว ยังได้มีการวิจัยและค้นคว้าเพื่อพัฒนาคุชชั่นรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างเป็นประจำ โดยแต่ละแบบก็จะตอบโจทย์ครอบคลุมวัตถุประสงค์ของผู้ใช้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของเนื้อสัมผัส คุณสมบัติและจำนวนเฉดสี อีกทั้งยังมีให้เลือกกันหลายระดับราคาตั้งแต่ถูกยันแพง

Finish Look ของคุชชั่นเกาหลีที่ได้ออกมาส่วนใหญ่นั้นจะเน้นงานผิวฉ่ำมีสุขภาพดีเปล่งปลั่งเป็นหลัก และเน้นความเป็นธรรมชาติกลมกลืนไปกับผิวมากกว่าจะดูหนาเหมือนคุชชั่นที่มาจากประเทศทางตะวันตก จึงทำให้ใช้แล้วเหมาะกับผิวของสาวเอเชียมากกว่า

คุชชั่นเกาหลีก็เหมือนกับคุชชั่นหรือรองพื้นทั่ว ๆ ไปที่มีความแตกต่างกันไปทั้งในเรื่องของ Finish Look ที่ได้ รวมไปถึงระดับการปกปิด ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจกับคุชชั่นในแต่ละประเภทก่อน เพื่อที่คุณจะได้เลือกคุชชั่นที่เหมาะกับทั้งสภาพผิวและการใช้งานของคุณได้อย่างลงตัว

เราสามารถจำแนกคุชชั่นเกาหลีตาม Finish Look ที่ได้ ถึงแม้คนเกาหลีจะชอบความฉ่ำวาว แต่ก็ยังได้มีการออกแบบคุชชั่นมาให้เข้ากับคนที่มีสภาพผิวมันหรือผิวผสมด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดอาการมันเยิ้มบนใบหน้าระหว่างกันใช้ได้

คุชชั่นที่ให้ Finish Look แบบ Matte ถึงจะยังมีความฉ่ำสไตล์เกาหลี แต่ก็สามารถควบคุมความมันได้อย่างดี ทำให้งานผิวที่ออกมามีความเรียบเนียนและไม่เยิ้ม เหมาะสำหรับคนที่มีทั้งสภาพผิวมันและผิวผสม เพราะนอกจากจะช่วยควบคุมความมันส่วนเกินได้แล้ว ยังสามารถเบลอรูขุมขนได้เป็นอย่างดี

แต่มีเคล็ดลับแนะนำสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม เพราะสภาพอากาศในประเทศเรานั้นค่อนข้างร้อน ดังนั้นจึงควรที่จะใช้แป้งฝุ่นลงทับหลังจากทาคุชชั่นไปแล้ว เพื่อช่วยให้ผิวนั้นมีความ Matte มากขึ้นกว่าการใช้คุชชั่นเพียงอย่างเดียวนั่นเอง

สำหรับคนที่มีผิวแห้ง เราแนะนำเลยว่าควรใช้คุชชั่นที่มาจากประเทศเกาหลี เนื่องจากทางเกาหลีนั้นจะเน้นความชุ่มชื้นและเติมความฉ่ำเงาให้กับใบหน้า แต่ถ้าจะเลือกให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นให้เลือกที่มีระบุ Finish Look แบบ Semi-Matte หรือ Glow เพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและเปล่งปลั่งแล้ว ยังมีสารบำรุงผิวหลายชนิดที่ช่วยไม่ให้ใบหน้าของคุณนั้นเกิดความแห้งกร้านในระหว่างวันได้อีกด้วย

คุชชั่นเกาหลีนั้นยังสามารถแบ่งได้ตามระดับการปกปิดอีกด้วย เพราะสาวเกาหลีนั้นใช้คุชชั่นอยู่เป็นประจำไม่ว่าจะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือ ใช้ปกปิดรอยต่าง ๆ เพื่อแต่งหน้าไปงานเลี้ยง

หากใครที่มีจุดด่างดำและริ้วรอยต่าง ๆ ซึ่งต้องการการปกปิดมากเป็นพิเศษ หรือต้องการแต่งหน้าที่เน้นผิวสวยเนี้ยบเพื่อออกงาน ควรจะเลือกคุชชั่นที่ให้การปกปิดสูง ซึ่งมักจะระบุไว้บนฉลากว่า Full Coverage หรือ High Coverage ซึ่งคุชชั่นประเภทนี้จะช่วยปกปิดจุดบกพร่องบนใบหน้าอย่างได้เนียนสนิท แต่ทั้งนี้มักจะมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างหนา หากโปะมากเกินไปแล้ว ก็จะทำให้คุชชั่นเกิดการจับตัวเป็นขุยเป็นก้อนได้ จึงขอแนะนำให้คุณใช้คอนซีลเลอร์เพิ่มเติมในจุดที่ต้องการปกปิดหลังจากที่ใช้คุชชั่นชนิดนี้แทนการโปะคุชชั่นซ้ำไปมาบนใบหน้า และควรจะใช้คู่กับแป้งฝุ่น เพื่อป้องกันคุชชั่นเกิดการไหลเยิ้มในระหว่างวันได้

คุชชั่นชนิดนี้มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา เน้นความเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับผิวหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็มีเม็ดสีที่ช่วยปรับความสว่างเพื่อให้หน้าดูผ่องมากขึ้น เรียกได้ว่าช่วยสร้างงานผิวใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ ถือว่าเป็นคุชชั่นมาตรฐานที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนอย่างเป็นประจำ ถ้าใช้คุชชั่นที่มีเนื้อหนาเกินไป ก็จะเกิดปัญหาคุชชั่นกลายเป็นคราบได้โดยง่ายดาย

เรื่องของเฉดสีก็เป็นสิ่งที่คุณต้องใส่ใจ โดยเฉพาะคุชชั่นเกาหลี ที่มีการแบ่งเฉดสีที่ต่างออกไปจากคุชชั่นประเทศอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่จะใช้ C และ N ในการแบ่ง ถ้าเป็นคุชชั่นที่เป็น C ตามหลังจะเน้นให้ความสว่างให้กับผิว ส่วนที่เป็น N ตามหลังจะเน้นสีที่เป็นธรรมชาติกลมกลืนไปกับสีผิว

อย่างที่ทราบกันดีว่าสาวเกาหลีซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะมีผิวที่ขาวสว่างกว่าสาวไทย อีกทั้งยังมี Undertone ที่แตกต่างกัน ถ้าเลือกไม่ถูกเฉดสีก็จะทำให้เกิดอาการหน้าเทาหรือหน้าลอยตามมาได้ เราแนะนำให้คุณดูจากแป้งรองพื้นหรือครีมรองพื้นที่คุณใช้อยู่เป็นประจำว่ามีเฉดสีเบอร์ไหน แล้วลองหาข้อมูลเพื่อเทียบเคียงเฉดสีได้อย่างถูกต้อง ถ้าจะให้ดีที่สุด เราขอแนะนำให้คุณไปลองทำการทดสอบกับคุชชั่นตัวอย่างที่เคาน์เตอร์แบรนด์ใกล้บ้านคุณก่อนแล้วค่อยมาตัดสินใจเลือกซื้อกันภายหลังบนเว็บไซต์ออนไลน์ก็ได้ค่ะ

เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศไทยเรานั้นมีแดดแรงมากไม่ว่าจะเดือนไหน ดังนั้นใครที่ต้องการเลือกซื้อคุชชั่นไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็ควรจะเลือกคุชชั่นที่มีสารกันแดดที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอาไว้ด้วย ถ้าต้องออกนอกสถานที่อยู่เป็นประจำ ควรเลือกค่า SPF และค่า PA ที่สูงเข้าไว้ แต่ถ้าใช้ในสถานที่ร่มก็สามารถเลือกค่า SPF และ PA แบบต่ำ ๆ ก็ได้ค่ะ

ถ้าหากคุณมีครีมกันแดด เมคอัพเบสที่มีสารกันแดดหรือแป้งฝุ่นที่มีสารกันแดดสำหรับผิวหน้าที่ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว  ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกคุชชั่นที่มีสารกันแดด

คุชชั่นก็เหมือนกับเครื่องสำอางสำหรับผิวหน้าชนิดอื่น ๆ ที่มักจะมีสารเคมีอยู่หลายชนิด ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองในกลุ่มผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย ดังนั้นหากคุณมีสภาพผิวหน้าดังกล่าว ก็ให้เลือกคุชชั่นที่มีส่วนผสมไม่ซับซ้อนมากมาย และปราศจากสารระคายเคืองอย่างน้ำหอม น้ำมันแร่และแอลกอฮอล์ โดยคุชชั่นที่มีความอ่อนโยนต่อผู้ที่มีผิวบอบบางส่วนใหญ่มักจะมีการระบุว่าเป็น Hypoallergenic บนฉลากอยู่แล้วค่ะ

หวังว่าวิธีการเลือกคุชชั่นเกาหลีที่เรานำมาฝากในข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจคุชชั่นเกาหลีในแต่ละแบบได้ดีขึ้นนะคะ ต่อไปเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า 10 อันดับ คุชชั่นเกาหลี ที่หลายต่อหลายคนนั้นแนะนำว่าจะต้องลองหาซื้อมาใช้นั้นจะมียี่ห้อไหนกันบ้าง

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับข้อมูลความรู้ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เราก็หวังว่าจะช่วยให้คุณรู้จักและเข้าใจคุชชั่นเกาหลีมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้ง 10 อันดับคุชชั่นเกาหลีที่เราได้รวบรวมและจัดอันดับจากความเห็นและการรีวิวของสาว ๆ ผู้ใช้จากแหล่งต่าง ๆ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อคุชชั่นเกาหลีมาลองใช้ได้ดีขึ้นนะคะ

คุชชั่นจากแบรนด์เกาหลี อย่างที่เราได้บอกกันไปแล้วว่าส่วนใหญ่จะเน้นความชุ่มชื้นและความมันวาว เนื่องจากประเทศเกาหลีมีสภาพอากาศที่หนาวและคนเกาหลีก็มักจะมีผิวหน้าที่แห้ง ซึ่งต่างจากสภาพอากาศในบ้านเราโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเราจึงแนะนำให้คุณใช้คุชชั่นควบคู่ไปกับการทาไพรเมอร์ควบคุมความมันก่อนใช้คุชชั่น หรือ ลงแป้งฝุ่นหลังใช้คุชชั่นเกาหลี เพื่อให้ผิวของเราออกมาดูเรียบเนียนโดยที่ไม่มันเยิ้มในระหว่างวัน เพียงเท่านี้คุณก็สามารถสร้างผิวเนียนสวยชวนมองได้อย่างง่ายมากขึ้น