ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่รักน้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กมาก (ก.ไก่ล้านตัว) เพราะมีกลิ่นน่ารักน่ากอด ชวนให้เรากลายเป็นสาวนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอมเหมือนเด็กน้อย แต่จากที่ลองค้นหาน้ำหอมใน Google กลับพบว่ามีบทความแนะนำน้อยมาก แถมแต่ละบทความก็รวบรวมน้ำหอมมาให้อย่างละนิดอย่างละหน่อย ทำให้มีตัวเลือกการช็อปปิ้งน้อย และไม่ค่อยบอกด้วยว่าน้ำหอมแต่ละประเภทต่างกันยังไง ทำให้เราเลือกซื้อผิดได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ ต้องเจอปัญหาเดียวกัน วันนี้ผู้เขียนเลยหาตัวช่วยมาให้แล้วค่ะ!
อันดับแรกจะอธิบาย “วิธีการเลือกซื้อน้ำหอมกันก่อน“ จะได้รู้ว่าน้ำหอมประเภทไหนที่เหมาะกับเรา จากนั้นมาอ่าน “7 อันดับ น้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กยอดฮิตขายดี” ที่ผ่านการเปรียบเทียบคุณสมบัติต่าง ๆ และรีวิวเรียบร้อยแล้ว พูดชัด ๆ กันไปเลยว่ายี่ห้อไหนดีแบบ “ไม่มีสปอนเซอร์!” เพื่อให้ทุกคนได้ซื้อในสิ่งที่ดีที่สุดกันค่ะ
หลายคนคงสงสัย “น้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กมันยังต้องมีวิธีการเลือกอีกหรอ!?” ก็แค่เลือกกลิ่นที่ชอบ ราคาที่ใช่ก็พอแล้วมั้ง แต่อ๊ะ ๆ ระวังขวดที่ซื้อไปจะติดไม่ทน ฉีดสองทีก็จางนะจ๊ะสาว ๆ ดังนั้นแนะนำว่าให้อ่านวิธีการเลือกซื้อก่อนจะดีกว่าค่ะ
ตามที่เราเกริ่นไปเมื่อครู่ว่า “น้ำหอมมีหลายประเภท” ขึ้นอยู่กับ “อัตราส่วนของหัวน้ำหอม” ซึ่งมีอยู่ 5 ระดับ ทำให้แต่ละประเภทมีระดับความเข้มข้นของกลิ่นต่างกันออกไป และส่งผลให้ติดทนนานต่างกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
อาจจะไม่ค่อยเห็นกันเท่าไร เพราะด้วยความที่มีอัตราส่วนของหัวน้ำหอมประมาณ 1-3% เมื่อเทียบกับแอลกอฮอล์และน้ำที่มีมากถึง 97% จึงถือเป็นประเภทน้ำหอมที่มีกลิ่นเจือจางที่สุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ ทำให้ติดไม่ทน ฉีดแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงกลิ่นก็แทบจะหายไปหมดแล้วค่ะ จึงเหมาะกับวัยนักเรียนมากกว่าผู้ใหญ่แล้ว
เรียกย่อ ๆ ว่า EDC มีหัวน้ำหอมประมาณ 2-4% ระดับความหอมจึงมากกว่าประเภทก่อนหน้านี้เล็กน้อย และทำให้ติดทนนานจากเดิม 2-3 ชั่วโมง ก่อนที่กลิ่นจะค่อย ๆ จางหายไป ถือเป็นอีกประเภทที่เหมาะกับวัยนักเรียน เพราะดูไม่โตจนเกินไป
ดูเผิน ๆ หลายคนอาจจะตกใจว่า “Toilet” นี่คือน้ำหอมสำหรับฉีดห้องน้ำหรือนี่!? แต่จริง ๆ คำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งสื่อความหมายได้กว้างกว่าภาษาอังกฤษ โดยจะรวมไปถึง “การเสริมแต่งบุคลิกหรือร่างกาย” ดังนั้น Eau de Toilette (EDT) จึงหมายความว่าน้ำหอมที่ใช้ฉีดเสริมบุคลิกหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วนั่นเองค่ะ
น้ำหอมประเภทนี้มีอัตราส่วนของหัวน้ำหอมต่อแอลกอฮอล์กับน้ำอยู่ที่ 5-15%/90-95% แล้วแต่สูตร แต่ส่วนใหญ่จะใส่หัวน้ำหอมประมาณ 10% ซึ่งดูเหมือนจะน้อย และไม่สร้างความแตกต่างจากแบบก่อนหน้านี้มากนัก แต่ในทางน้ำหอมแล้วถือว่าต่างกันมากทีเดียวค่ะ เพราะระดับความหอมจะมากกว่าอย่างสังเกตได้ และยังติดทนนานประมาณ 3-4 ชั่วโมงเลยด้วย
มีหัวน้ำหอมอยู่ประมาณ 15-20% ความหอมจึงมากขึ้นอีกหนึ่งระดับ และทำให้ติดทนนานถึง 6-10 ชั่วโมงเลยทีเดียว โดยกลิ่นจะเปลี่ยนไปตามระยะเวลาที่ฉีดในหนึ่งวัน ไล่ตั้งแต่ Top note ไปจนถึง Base note ซึ่งส่วนนี้เราจะอธิบายให้อ่านในหัวข้อถัดไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มีปริมาณหัวน้ำหอมค่อนข้างเยอะ ทำให้ส่วนใหญ่มีราคาสูงตามไปด้วย จึงเหมาะกับวัยทำงานแล้ว หรือคนที่มีงบช็อปปิ้งเยอะนิดนึงค่ะ
หลายคนอาจจะงงว่า “อ่าว แล้วแบบนี้กับก่อนหน้านี้ไม่ใช่ประเภทเดียวกันหรอ” คำตอบคือ “ไม่ใช่นะจ๊ะ” ประเภทนี้จะมีปริมาณหัวน้ำหอมมากถึง 20-40% เลยทีเดียว เรียกได้ว่าแทบจะครึ่งหนึ่งของขวดเลยค่ะ ทำให้กลิ่นเข้มข้นมาก จึงติดทนนานถึง 12-24 ชั่วโมงเลย และมีเนื้อที่มันวาวมากกว่าเพื่อน ๆ ด้วย แต่ก็ทำให้มันมีราคาสูงลิ่ว สนนราคาต่อขวดแล้วหลักหมื่นขึ้นไปเลยค่ะ คนส่วนใหญ่จึงจับต้องได้ยาก แบรนด์น้ำหอมต่าง ๆ เลยไม่ค่อยผลิตออกมาเท่าไร
จากที่เราเกริ่นไปเมื่อครู่ คราวนี้มาอ่านรายละเอียดกันดีกว่าค่ะ ปกติน้ำหอมตั้งแต่ประเภท EDT เป็นต้นไป จะมีโทนกลิ่นที่เปลี่ยนไปตามระยะเวลา 1 วันที่ถูกฉีดค่ะ โดยทันทีที่ฉีดคุณจะได้กลิ่น “Top Note” หลังจากนั้นไม่กี่นาทีจะได้กลิ่นของ “Middle Note” แทน ก่อนที่ทั้งวันนั้นจะเหลือแต่กลิ่นของ “Base Note” (Last Note) นั่นเองค่ะ
สาเหตุที่เน้นน้ำหนักคำว่า Base Note มากกว่า Last เพราะอยากให้เพื่อน ๆ ใส่ใจกลิ่นนี้เป็นพิเศษค่ะ เพราะเป็นกลิ่นที่จะอยู่กับคุณตลอดทั้งวัน หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “เป็นกลิ่นหลัก (Base)” ของน้ำหอมสูตรนั้น ๆ เลย และอีกหนึ่งระดับที่ต้องให้ความสำคัญคือ Top Note นั่นเองค่ะ
ดังนั้นน้ำหอมบางขวดที่ Top note ฉีดออกมาแล้วเป็นกลิ่นอื่น อาจจะมี Base note คล้ายกับแป้งเด็กก็ได้ค่ะ ตรงกันข้ามกับบางขวดที่ Top note เป็นกลิ่นแป้ง แต่พอผ่านไปสักพักอาจเปลี่ยนกลายเป็นกลิ่นอื่นแล้ว แนะนำให้ลองฉีดน้ำหอมไว้ทั้งวันเพื่อสังเกตโทนกลิ่นก่อนจะซื้อดีกว่าค่ะ
ด้วยความที่น้ำหอมเป็นสินค้าที่ต้องลองดมกลิ่นด้วยตัวเองก่อน หากเป็นไปได้จึงควรไปลองที่หน้าร้านก่อน แต่ถ้าใครไม่สะดวกจริง ๆ แนะนำให้ซื้อ Tester หรือไซซ์เล็กที่สุดเท่าที่แบรนด์นั้น ๆ จะมีมาลองฉีดดูก่อนค่ะ ถ้าเกิดไม่ชอบกลิ่นขึ้นมาเงินในกระเป๋าจะได้ไม่เสียหายมาก
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ แม้ว่าจะเป็นน้ำหอมโทนกลิ่นเดียวกัน แต่แต่ละสูตรอาจมีปริมาณหัวน้ำหอมและโทนกลิ่นตามช่วงเวลาที่แตกต่างกันก็ได้ ก่อนจะซื้อจึงควรอ่านรีวิวเยอะ ๆ เลยค่ะ ซึ่งผู้เขียนได้อธิบายอย่างละเอียดให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันที่ด้านล่างนี้เรียบร้อยแล้ว
แค่เห็นแพ็กเกจก็น่าใช้แล้วใช่ไหมคะ เดิมทีแบรนด์นี้เขาขายสินค้าเกี่ยวกับเด็กค่ะ ล่าสุดเลยพัฒนาน้ำหอมที่ปราศจากแอลกอฮอล์ ไม่มีสารกันเสีย และผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยแม้ใช้กับเด็กแรกเกิด ซึ่งรุ่นที่คล้ายกับแป้งเด็กมากที่สุดคือรุ่นนี้นั่นเองค่ะ โดยมีโทนกลิ่นที่หอมละมุนจากมะกรูดและส้มแมนดาริน พร้อมเพิ่มความสดชื่นด้วยดอกส้มและฮันนี่ซัคเคิล สามารถใช้ได้ทั้งชายและหญิง อย่างไรก็ตามด้วยความที่ไม่มีแอลกอฮอล์เลยทำให้ติดไม่ค่อยทนเท่าไรนะคะ เหมาะกับวัยมัธยมฯ มากกว่า
นอกจากจะมีเสื้อผ้าดีไซน์เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครแล้ว แบรนด์นี้เขาก็มีน้ำหอมหลายกลิ่นให้เลือกซื้อด้วยนะจ๊ะ โดยกลิ่นที่คล้ายกับแป้งเด็กคือไลน์ Baby ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งกลิ่นสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย แต่กลิ่นที่สาว ๆ หลายคนต่างตกหลุมรักคือกลิ่น Boy นั่นเองค่ะ ตัวน้ำหอมจะสกัดมาจากมัสค์ ส้มเขียวหวาน และมะกรูด ทำให้รู้สึกนุ่มละมุนและสดชื่นในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามสำหรับสาว ๆ ที่กังวลว่ากลิ่นอาจจะแมนเกินไป สามารถซื้อกลิ่น Girl มาใช้ได้ค่ะ โดยโทนกลิ่นจะมีความพีชเล็ก ๆ
ใครเป็น Army (ชื่อแฟนคลับ) วง BTS จะต้องรู้จักน้ำหอมขวดนี้แน่นอน เพราะหนึ่งในสมาชิกอย่าง “จองกุก” เลือกใช้ โดยรุ่นนี้จะมีโทนกลิ่นหอมละมุนและอบอุ่น ด้วย Top note จากมะนาว, มะกรูด และลูกแพร์ ตามด้วย Middle note จากกุหลาบ ดอก Lily of the valley และไวโอเลต ก่อนจะปิดท้ายด้วย Base note จากมัสค์ แอมเบอร์ วานิลลา และน้ำผึ้ง ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นน้ำหอมได้แล้ว ยังฉีดดับกลิ่นห้องได้ด้วยนะจ๊ะ
มาถึงอีกหนึ่งน้ำหอมที่ครองใจสาว ๆ ทั่วโลก มี Top note เป็นกลิ่นหอมของหมู่มวลดอกไม้ต่าง ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลิ่นจะละมุนขึ้นด้วยวานิลลาและมัสค์ แต่ไม่เข้มข้นจนหวานเอียนนะคะ จะยังมีความสดชื่นจนแมนดารินอยู่บ้าง ทำให้กลิ่นคล้ายกับแป้งเด็ก ทำให้คุณกลายเป็นสาวน่ารักสดใส ไม่ดูแก่เกินไปด้วย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และยังติดค่อนข้างนาน (แอบกระซิบว่าทางแบรนด์มีน้ำหอมกลิ่นนี้หลายประเภทเลยค่ะ ลองเข้าไปดูเพิ่มเติมได้)
หนึ่งในไลน์ Petit Bijou ซึ่งมีด้วยกัน 3 กลิ่น แต่กลิ่นโทนแป้งเด็กคือขวดนี้นะจ๊ะ สาวกกลิ่นแป้งเด็กอย่าหลงซื้อผิด ถ้าขวดสีฟ้ากลิ่นจะคล้ายสบู่มากกว่า โดยทันทีที่ฉีดคุณจะรู้สึกหอมสดชื่นด้วยกลิ่นผลไม้ต่าง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ละมุนขึ้นด้วยกลิ่นของหมู่มวลดอกไม้ และปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมหวานของแป้งเด็ก ซึ่งสกัดได้จากคอตตอน ดอกเฮริโอโทร์เป้และมัสค์ นอกจากนี้ที่สำคัญยังติดทนนานมากอีกด้วย
มาถึงน้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กสูตรแรก ๆ ที่ถูกผลิตมาและได้รับความนิยมไปทั่วโลก จากแบรนด์ดัง Bvlgari โดยมี Top note ที่หอมสดชื่นด้วยกลิ่นผลไม้ ตามด้วยความละมุนจากลูกพีช ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นดอกไอริสและวานิลลาที่ชวนให้รู้สึกละมุนและอบอุ่นเหมือนความรักที่แม่มีต่อลูก ซึ่งหลังจากฉีดแล้วกลิ่นยังติดทนนานอีกด้วย เหมาะกับสาว ๆ ทุกวัย (เด็ก ๆ อายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปก็สามารถใช้ได้)
สุดยอดน้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กที่ได้รับการรีวิวเยอะที่สุด กวาดคะแนนจากเว็บไซต์ขายของออนไลน์ไปได้สูงมาก ยังไม่นับรวมคอมเมนต์รีวิวต่าง ๆ จากเว็บอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมาก ด้วยเอกลักษณ์ของกลิ่นที่หอมสดชื่นเหมือนเด็กที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ แถมยังมีสารบำรุงผิวและเส้นผม นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความสะอาดของผิวหนังและเสื้อผ้าได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสเปรย์ครอบจักรวาลจริง ๆ ค่ะ ที่สำคัญยังมีราคาที่ย่อมเยากว่ารุ่นอื่นมาก เหมาะสำหรับคนที่มีงบจำกัด หรืออยากทดลองใช้น้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กเป็นครั้งแรก ก็เริ่มจากรุ่นนี้ก่อนก็ได้ค่ะ
ส่วนใหญ่แล้วสาว ๆ มักจะเจอปัญหาเดียวกันคือ “ฉีดแล้วกลิ่นไม่ทน” และ “ฉีดแล้วฉุน” ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักคือ “ฉีดไม่เป็น” นั่นเองค่ะ วันนี้เราเลยจะมา Hack น้ำหอม สอนวิธีฉีดที่ถูกต้องกัน โดยขออนุญาตแบ่งการอธิบายออกเป็นส่วน ๆ นะคะ จะได้อ่านกันง่ายขึ้น
- เตรียมผิวก่อนฉีด : การเตรียมผิวให้ชุ่มชื้นด้วยการทาโลชั่นหรือออยล์แล้วแต่ถนัด เพราะน้ำหอมจะกระจายกลิ่นได้ดีกว่าตอนอยู่บนผิวแห้ง หรือทาปิโตรเลียมเจลบาง ๆ บริเวณผิวที่จะถูกฉีด
- ฉีดตามจุดชีพจรต่าง ๆ : เพราะความอุ่นของระบบไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนังบริเวณนั้น ๆ จะดูดซับกลิ่นได้มากกว่าส่วนอื่น ๆ ทำให้กลิ่นจะฟุ้งกระจายและติดทนนานมากกว่า โดยควรฉีดแค่ 2-3 จุดพอนะคะ
- ฉีดน้ำหอมลงบนแปรงหวีผม : สำหรับใครที่อยากเพิ่มความหอมฟุ้งให้กับตัวเองอีก แนะนำให้ฉีดน้ำหอมบนแปรงแล้วค่อยหวีผม เวลาสะบัดผมทีก็จะได้กลิ่นไปด้วย
- ฉีดน้ำหอมในอากาศ : แนะนำสำหรับน้ำหอมประเภท Eau de parfum, Parfum ส่วนน้ำหอมประเภทอื่น ๆ ไม่แนะนำค่ะ เพราะกลิ่นอ่อนเกินไป โดยวิธีนี้ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการฉีดน้ำหอมใส่อากาศ บริเวณเหนือศีรษะแล้ววิ่งผ่านเพื่อให้ละอองน้ำหอมตกลงบนร่างกาย
ในส่วนของการฉีดน้ำหอม ไม่จำเป็นว่าต้องทำตามทั้งหมดนะคะ ถ้าใครพอใจกับระดับกลิ่นหอมเท่านี้แล้ว ก็ไม่ต้องพรมทั้งตัวก็ได้ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเองด้วย
เกร็ดน่ารู้อื่น ๆ : ควรฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ นะคะ เพราะผิวจะชุ่มชื้นมากกว่า และควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีกลิ่น เช่น หอม กระเทียม หรือเครื่องเทศเป็นประจำด้วย เนื่องจากจะทำให้คุณมีกลิ่นตัวฉุน เวลาฉีดน้ำหอมกลิ่นจะผสมปนเปกันมั่ว จนอาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกคลื่นเหียน วิงเวียนศีรษะได้
นอกจากการฉีดน้ำหอมที่ร่างกายแล้ว ถ้าใครอยากให้เสื้อผ้ามีกลิ่นเหมือนกลิ่นกายอีก แนะนำให้ฉีดน้ำหอมลงบนผ้าแล้วค่อยรีดทับค่ะ เพราะความร้อนจะทำให้น้ำหอมติดผ้านานขึ้น
แม้ว่าน้ำหอมกลิ่นดอกไม้และผลไม้จะได้รับความนิยมมานานแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ “กลิ่นแป้งเด็ก” กำลังมาแรงมาก ไม่ว่าสาวแรกรุ่นหรือจะวัยทำงานก็สามารถฉีดได้ หากคุณต้องการคาแร็คเตอร์ที่น่าทะนุถนอม และดูน่ารักในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามเวลาเลือกซื้ออย่าลืมดูประเภทของน้ำหอมด้วยนะคะ เพราะมีผลต่อระดับความเข้มข้นและการติดทนนาน
เพราะน้ำหอมส่วนใหญ่มักมีราคาแพง แนะนำให้ซื้อจากแอคเค้าท์หลักของแบรนด์นั้น ๆ หรือเจ้าของร้านที่มีคะแนนน่าเชื่อถือนิดนึงนะคะ เพื่อให้ได้สินค้าแท้และมีคุณภาพ